เรื่องราวความเป็นมาของหลวงปู่สรวง พระอริยะสงฆ์ผู้ที่อยู่เหนือกาลเวลา มีผู้คนเคยไต่ถามหลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์ ว่าท่านรู้จักหลวงปู่สรวง แห่งท้องทุ่งศรีสะเกษ หรือไม่ครับ? หลวงปู่ฤทธิ์ ท่านกล่าวว่ารู้จักและรู้จักมานานแล้ว เมื่อครั้งที่หลวงปู่ฤทธิ์ ได้เดินทางไปประกอบพิธีทำบุญวางศิลาฤกษ์ สร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ณ วัดชลประทานราชดำริ หลวงปู่สรวงท่านก็มา เวลาท่านมา ท่านก็มาของท่านเองไม่รู้ว่าท่านมาตอนไหนหรือเมื่อไหร่ มารู้อีกทีก็เมื่อตอนที่เห็นท่าน เวลาหลวงปู่สรวงจะไปไหน ท่านก็ไป ท่านจะเดินออกไปทางป่าด้านโน้น ซึ่งอยู่ด้านหน้าศาลาเป็นป่าพื้นที่กว้างมีน้ำท่วมขัง หลวงปู่ท่านจะเดินตรงไป แต่พอมองออกไปจะเห็นฝูงสัตว์เดินตามท่านเป็นพรวนแล้วสักพักหลวงปู่ท่านก็หายตัวไป หลวงปู่ฤทธิ์ ท่านยังบอกอีกว่า เรื่องราวของหลวงปู่สรวงพูดไปแล้วก็ราวกับว่าเป็นนิยาย เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่ว่าหลวงปู่สรวง ท่านก็มีตัวตนจริง เมื่อหลายสิบปีก่อนหน้า พบเห็นหลวงปู่ท่านอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็เห็นท่านเหมือนเดิม ตัวของหลวงพ่อเองนี่ซิแก่ลงไปทุกปีนี่ก็อายุปาเข้าไป 82 แล้ว แต่ว่าหลวงปู่สรวง ท่านก็อยู่ของท่านอย่างนั้น ส่วนเรื่องอายุของหลวงปู่สรวงนั้น หลวงปู่ฤทธิ์ท่านกล่าวว่า ท่านเองไม่รู้เหมือนกันว่าเท่าไหร่กันแน่
กระท่อมหลวงปู่สรวง
หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต
ส่วนสถานที่จำวัด เมื่อครั้งที่ได้เจอ หลวงปู่สรวงก็คือ กระท่อมเฝ้านากลางท้องทุ่งริมถนนหมู่บ้านละลม-สะเดา ชายแดนฝั่งเขมร มีลักษณะเป็นกระท่อมยกพื้นสูง มุงหลังคาด้วยไม้กระดานเก่า กันลมกันฝนได้ไม่ค่อยดีนัก ในวันนั้นหลวงปู่สรวงท่านนอนอยู่ภายในกระท่อม มีชายชราผมขาวนั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ คอยบีบนวดให้หลวงปู่สรวง ส่วนข้างนอกกระท่อมมีชายหญิงชาวบ้านประมาณ 4-5 คน เป็นชาวบ้านย่านนั้น ข้างฝากระท่อมมีว่าวจุฬาขนาดใหญ่เหน็บข้างฝา 1 ตัว มีหม้อหุงข้าวเก่าๆ และเตาเล็กวางอยู่ 1 ชุด และก็มีถังใส่น้ำขุ่นๆ ซึ่งเข้าใจได้ว่าจะตักมาจากหนองน้ำกลางทุ่ง ซึ่งอยู่ใกล้หน้ากระท่อม หลวงปู่สรวงท่านมีแคร่ไม้ยาว เอาไว้สำหรับนั่ง พอเมื่อพวกเราทุกคนเข้าไปกราบหลวงปู่สรวง ท่านก็ลุกขึ้นมาแต่ท่านไม่พูดไม่จาอะไร ในปากของท่าน ท่านก็จะเคี้ยวใบพลูสดอยู่ตลอด มีชาวบ้านคนหนึ่งถามท่านว่า หลวงปู่อายุเท่าไรแล้ว ท่านก็ตอบเป็นภาษาส่วย ซึ่งผมและเพื่อนๆ ก็ฟังไม่เข้าใจ แต่พรรคพวกที่ศรีสะเกษได้แปลให้ฟังว่า เรื่องของอดีตลืมไปหมดแล้ว ชื่ออะไรก็จำไม่ได้ เขาเรียกว่าปู่สรวง ก็ปู่สรวง ชื่อเสียงมันก็ไม่ใช่ตัวของเราจะเรียกยังไงก็ได้ ถ้ามาคิดอีกแง่นึงก็เสมือนกับว่า ท่านกำลังสอนธรรมะให้กับพวกเราได้รู้ว่า ให้มีแต่ปัจจุบันเพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เมื่อมันผ่านล่วงเลยไปแล้ว มันเป็นสิ่งสมมุติเท่านั้น